วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

ศรีธนญชัย สุขภาพดี มีชัยไปกว่าครึ่ง


นั่งหน้าคอมนานๆ ′เสี่ยง′ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

ปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะเป็นโรคหมอนรองกระดูก โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศและคนที่ต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกวัน วันละนานๆ จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท เนื่องจากระหว่างใช้คอมพิวเตอร์จะมีการเกร็งและใช้งานบริเวณส่วนหลัง อาจจะมีการใช้อย่างไม่ถูกต้องและเคลื่อนไหวไม่เหมาะสม เมื่อทับถมเป็นเวลานานจะส่งผลให้เกิดกระดูกเสื่อม ทำให้เกิดโรคหมอนรองกระดูก
นพ.ธีรศักดิ์ พื้นงาม แพทย์หัวหน้าศูนย์สมองและระบบประสาท พร้อมทีมแพทย์ Mini Spine โรงพยาบาลพญาไท 1 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทไว้ว่า โรคนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โรคหมอนรองกระดูกส่วนเอวกดทับเส้นประสาท จะมีอาการปวดร้าวจากเอวลงไปที่ขา ขาชาและอ่อนแรงขาข้างใดข้างหนึ่ง และหมอนรองกระดูกส่วนคอกดทับเส้นประสาท จะปวดต้นคอร้าวไปที่สะบักข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจปวดถึงแขนหรือมือ มืออ่อนแรงจับสิ่งของไม่ถนัด มือและแขนมีอาการชา
"หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ และรีบรักษาก่อนอาการลุกลามรุนแรง" นพ.ธีรศักดิ์ย้ำ
อย่างไรก็ตาม นพ.ธีรศักดิ์ระบุว่า โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท เมื่อรักษาแล้วก็มีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก หากไม่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องปวดหลัง คือ "การป้องกันไม่ให้เกิด"
"พยายามจัดท่าทางการทำงานหรือกิจวัตรประจำวันให้ถูกต้อง ให้แนวกระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรงเสมอ และหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่ใช้กล้ามเนื้อหลังมากๆ รวมถึงหมั่นบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรงไว้เสมอ เพราะเป็นกล้ามเนื้อที่คอยตรึงแนวกระดูกสันหลังไม่ให้เคลื่อนไหวมากเกินไป" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทิ้งท้าย ป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ ก่อนสายเกินแก้


5 โรคฮิต คร่าชีวิตคนไทย

Infographic นำเสนอข้อมูลดีๆ จากแฟนเพจเฟซบุ๊กศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ เกี่ยวกับ โรคที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด 5 โรค 

ข้อมูลเกี่ยวกับ 5 โรคร้ายที่พรากชีวิตคนไทยมากที่สุด เพื่อเป็นแนวทางในการระวังตัวและป้องกันตนจากโรคร้าย รวมถึงต้องหมั่นตรวจสุขภาพอยู่เสมอ เพื่อให้ห่างไกลจาก 5 โรคร้าย ดังต่อไปนี้


 1 มะเร็ง เป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยเฉลี่ยชั่วโมงละ 6 คน

2 หัวใจและหลอดเลือด 
หากมีอาการ เจ็บหน้าอก ใจสั่น หัวใจเต้นผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์

โรคของต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการบริโภค
4 โรคระบบทางเดินหายใจ เช่นวัณโรค ปอดอักเสบ ขณะที่คนไทยราว 20 ล้านคนมีเชื้อวัณโรค และพร้อมกำเริบหากสุขภาพทรุดโทรมเกิดจาก บุหรี่ ดื่มเหล้า และติดเชื้อเอดส์

5 โรคจากจากดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเราสามารถควบคุมไม่ให้เกิดได้ด้วยการ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และของมึนเมา

สมุนไพรบรรเทาโรคไข้หวัดที่มากับหน้าฝน

ในช่วงฤดูฝน อากาศเริ่มเย็นลง และมีความชื้นสูง การเปลี่ยนแปลงของสภาพอาการลักษณะนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โรคหลายชนิดสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น 


 สำหรับช่วงฤดูฝนนี้ไข้หวัดที่ควรใส่ใจเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่ติดต่อกันได้ง่ายแค่ไอหรือจามรดกัน สัมผัสเสมหะผู้ป่วย หรือสัมผัสทางมือที่ปนเปื้อนเชื้อโรค แต่อย่าพึ่งตกใจไปค่ะเพราะไข้หวัดใหญ่นี้ป้องกันได้ไม่ยาก แค่รักษาร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ล้างมือบ่อยๆ และควรฉีดวัคซีนกระตุ้นร่างกายให้มีการสร้างภูมิต้านทาน
ลดไข้ด้วยฟ้าทะลายโจร: นำต้นฟ้าทะลายโจรมามัดเป้นท่อน 1 กำมือ เอาไปต้มและให้ดื่มเมื่อมีไข้ ก่อนอาหารวันละ 3 เวลา
น้ำมะนาว+ เกลือ ขับเสมหะ :นำมะนาวมาคั้นจนได้น้ำมะนาว ใส่เกลือลงไปสักช้อนชาต่อน้ำมะนาว 1 แก้ว รสเปรี้ยวนี้จะไปกระตุ้นให้หลั่งน้ำเมือกมา ทำให้เสมหะหายหนืด ข้น
เคี้ยวมะแวง บรรเทาไอ :คนโบราณจะเก็บลูกมะแว้งเครือมาเคี้ยวเพื่อบรรเทาไอ แต่สมัยนี้มียาอมที่มีส่วนผสมของมะแว้งเครือก็ใช้บรรเทาไอได้ดีเช่นกัน

ข้อมูลจาก:ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย

รู้เท่าทันโรคริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร เป็นโรคที่พบบ่อยทั้งในเพศชายและเพศหญิง ริดสีดวงทวารเป็นเนื่องจากมีภาวะที่หลอดเลือดดำที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไป ในบริเวณทวารหนักเกิดการปูดพองเป็นหัว เรียกว่า หัวริดสีดวง แล้วมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว อาจพบเป็นเพียงหัวเดียวหรือหลายหัวก็ได้ โรงพยาบาลธนบุรี ให้ความรู้แนะนำเพื่อรู้ทันโรคริดสีดวงทวาร


 สาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร เกิดจากการเบ่งถ่ายอุจจาระ ท้องผูก การนั่งนานๆ ภาวะตั้งครรภ์ หรืออาจส่งผลมาจากน้ำหนักตัวมาก การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ไอเรื้อรัง ตับแข็ง ต่อมลูกหมากโตและผู้ที่มีเนื้องอกในช่องท้อง เป็นต้น

ลักษณะอาการของผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด คือ จะถ่ายอุจจาระออกมาก่อนจากนั้นจะมีเลือดสดๆ ไม่มีมูกเลือดปน มีก้อนที่ยื่นออกมาจากทวารขณะที่เบ่งอุจจาระ คลำได้ก้อนที่บริเวณทวารหนัก เจ็บและคันบริเวณทวารหนัก

สำหรับวิธีการรักษาริดสีดวงทวาร

ในปัจจุบัน มีวิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวารหนัก

- รักษาโดยการให้ยาเหน็บที่ทวารหนักเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด อาจใช้ร่วมกับยาระบายได้
- ฉีดยาที่หัวริดสีดวงทวารเพื่อให้เกิดพังพืดรัดหัวริดสีดวงและฝ่อได้เอง มักใช้ในกรณีที่หัวริดสีดวงมีเลือดออกและหัวริดสีดวงที่ย้อยไม่มาก
- ยิงยางรัดหัวริดสีดวง(Baron Gun) จะทำให้ริดสีดวงนั้นฝ่อและหลุดออกไปเองประมาณ 7 วัน
- รักษาโดยการผ่าตัด มักใช้ในระยะที่ 3,4 และริดสีดวงที่มีการอักเสบ

อาการหลังผ่าตัดริดสีดวงทวาร อาจมีเลือดออกได้ตั้งแต่หลังผ่าตัดจนถึงประมาณวันที่ 10 ของการผ่าตัดปกติจะมีเลือดออกไม่มากและจะหยุดเอง ถ้ามีเลือดออกมากให้มาพบแพทย์ หรือมีน้ำเหลืองซึ่งที่ขอบทวาร 4-6 สัปดาห์ ในกรณีที่ไม่ได้เย็บปิดแผล และบริเวณปากทวารหนักอาจบวมเป็นติ่ง แนะนำให้นั่งแช่ก้นด้วยน้ำอุ่น อาจถ่ายอุจจาระไม่ออกในระยะแรก

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร เน้นการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ หรือ ยาเพิ่มกากใย ดื่มน้ำวันละประมาณ 6-8 แก้ว หลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ออกกำลังกายสม่ำเสมอวันละ 30 นาทีถึง 1 ชม. อย่างน้อย 2-3 ครั้ง ต่อ สัปดาห์ ฝึกขับถ่ายอุจจาระสม่ำเสมอและขับถ่ายเป็นเวลาทุกวัน ผู้ที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำให้สังเกตว่าอาหารชนิดใดที่รับประทานแล้วช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้นให้รับประทานอาหารชนิดนั้นเพิ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ติดต่อกันอย่างน้อย 6-8 ชม. ต่อวัน และหลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานๆให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ


ข้อมูลโดยศูนย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลธนุบรี

กิน “พาราเซตามอล“ มากไประวังตับพัง

กิน "พาราเซตามอล" มากไประวังตับพัง
เมื่อรู้สึกปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้อย่างแรกที่คนเรามักจะคิดถึงก็คือการกินยาพาราเซตามอล เนื่องจากเป็นยาที่หาซื้อได้ง่าย แต่ เราเชื่อว่าน้อยคนนักจะรู้ว่าหากกินติดต่อกันในปริมาณที่มากจนเกินไปอาจเสี่ยงตับพัง


เรื่องนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ให้ข้อมูลมาว่าปัจจุบันยาพาราเซตามอลที่ขึ้นทะเบียนในบ้านเรา มีชื่อการค้าประมาณ 900 ชื่อ การกินพาราเซตามอล ชั่วครั้งชั่วคราว เพื่อแก้ปวด ลดไข้ คงไม่มีปัญหาอะไร แต่บางคนใจร้อนอยากหายเร็ว กินครั้งละ 2 เม็ด ๆ ละ 500 มก. เวลาผ่านไปยังไม่ถึง 4 ชม. ก็กินซ้ำลงไปอีก กรณีเช่นนี้ทำให้ได้รับพาราเซตามอลถึง 2 กรัม ซึ่งอาจจะเป็นพิษต่อตับได้ อีกทั้งไม่ควรกินพาราเซตามอล เกินกำหนดตามเอกสารยาที่ระบุ สำหรับขนาดเหมาะสมกับผู้ใหญ่ กิน 1 เม็ด 500 มก. ทุก 4 ชั่วโมง และไม่ควรกินเกินวันละ 8 เม็ด สำหรับการใช้ยาในเด็ก ควรลดขนาดยาลง โดยใช้ยาครั้งละไม่เกิน 10-15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 

สิ่งสำคัญที่อยากฝากคือสำหรับสาวๆ นักดื่มต้องพึงระวังไว้ว่ายาพาราเซตามอลมีผลต่อคุณมากกว่าคนไม่ดื่มหลายเท่านัก และไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 5 วันนะคะ

หิ้วของหนักนาน ส่งผลต่อไหล่และต้นแขน

การหิ้วของหนักนานๆ จะส่งผลต่อช่วงไหล่และต้นแขนอย่างไรบ้าง และจะมีวิธีป้องกันไม่ให้กระดูกและกล้ามเนื้อช่วงนี้มีอาการบาดเจ็บหรือเสื่อมสภาพอย่างไรคะ




การหิ้วของหนักเป็นเวลานานๆ ไม่ว่าจะเป็นการยก หาม แบก เทินของหนักต่างๆ เป็นเวลานานและทำบ่อยๆ ล้วนแต่ทำให้เกิดแรงกระทำต่อร่างกาย กล้ามเนื้อ และกระดูกสันหลังเพิ่มขึ้น เมื่อมีน้ำหนักมากกล้ามเนื้อต้องออกแรงมาก ซึ่งกล้ามเนื้อของเรามีหน้าที่เสมือนเป็นตัวช่วยกระจายแรงไม่ให้ลงบนกระดูกโดยตรง หากมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงก็จะดูดซับแรงกระแทกได้มาก

ในทางตรงกันข้ามหากกล้ามเนื้อมีอาการอ่อนแรงหรือความสามารถในการกระจายแรงลดน้อยลงก็จะมีแรงกระทำต่อกระดูกและข้อต่อมากขึ้น ผลที่เกิดกับกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อที่มีการเคลื่อนไหว และบริเวณที่ต้องรับน้ำหนักบริเวณนั้นก็จะเกิดความเสื่อมและเกิดปัญหามากกว่าปกติ การดูแลที่สำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการยกของหนัก

แต่หากต้องยกของหนักก็ต้องหาผู้ช่วยและยกของอย่างถูกวิธี หมั่นดูแลความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยจัดให้มีเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมและถูกต้องเหมาะกับสภาพร่างกาย ก็จะช่วยป้องกัน อาการบาดเจ็บและความเสื่อมสภาพของกระดูกและข้อต่อได้ 

นพ. กิตติพงศ์ พงศ์แพทย์พิพัฒน์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬา จาก Chirohealth Bangkok